แฟรนไชส์ไต้หวัน 2024-2025 ตอนที่ 2

เรามาดูอีกธุรกิจด้านแฟรนไชส์ที่ชื่อ Feastogether ซึ่งดำเนินธุรกิจร้านอาหารบุฟเฟ่ต์หลายแบรนด์ เช่น Eat Together และ Kaifun Together  ก็กำลังขยายตัวด้วยแผนการเข้าสู่ตลาดสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นภายในปี 2026 อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในตลาดแฟรนไชส์ โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ยังคงเป็นความท้าทายสำคัญ ธุรกิจจึงต้องสร้างนวัตกรรมและความแตกต่างในผลิตภัณฑ์เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน Feastogether Corporation เป็นบริษัทผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารบุฟเฟ่ต์หลายแบรนด์ในไต้หวัน ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) โดยมีแบรนด์ในเครือที่ได้รับความนิยม เช่น Eat Together (饗食天堂) เป็นแบรนด์บุฟเฟ่ต์ที่นำเสนออาหารหลากหลายประเภท โดยสาขาที่สถานีรถไฟปักกิ่งมีพื้นที่ประมาณ 990 ตารางเมตร และในปี พ.ศ. 2553 (ค.ศ. 2010) มีรายได้ถึง 200 ล้านดอลลาร์ไต้หวันใหม่ ทำให้เป็นร้านอาหารที่มีรายได้สูงสุดในสถานี ในปี พ.ศ. 2566 (ค.ศ. 2023) Feastogether มีสาขารวมทั้งหมด 83 แห่งในไต้หวัน ดำเนินงานภายใต้ 11 แบรนด์ร้านอาหาร และมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นในปี พ.ศ. 2569 (ค.ศ. 2026) Feastogether ยังมีแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชื่อ Eat@home (饗在家) และบริการสั่งอาหารออนไลน์ Eatogo (饗帶走) เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า ด้วยการเติบโตอย่างต่อเนื่องและการขยายตัวในตลาดต่างประเทศ Feastogether มุ่งมั่นที่จะนำเสนอประสบการณ์การรับประทานอาหารที่หลากหลายและมีคุณภาพให้กับลูกค้าทั่วโลก มีอีกแบรนด์ที่น่าสนใจคือ Kaifun Together (開飯川食堂) ที่เป็นร้านอาหารที่เน้นการเสิร์ฟอาหารสไตล์เสฉวน โดยมีหลายสาขาทั่วไต้หวัน เช่น สาขาในเขต Xinyi ของไทเป ซึ่งได้รับความนิยมจากลูกค้าคนจีน

รูปแบบการขยายธุรกิจอาหารพื้นบ้านของไต้หวันที่ใส่ระบบเข้าไปและขยายตัวรับความต้องการของตลาดอย่างนี้ เป็นเรื่องธรรมดาที่คนใต้หวันจะยอมรับและลงทุนด้วย ธุรกิจที่ข้ามผ่านระบบการลงทุนของนักลงทุนที่มีเงินมหาศาลสร้างตลาดของตัวเองแบบบางประเทศก็จะลดลง ทำให้คนตัวเล็กสามารถสร้างรายได้และยกระดับของคนชั้นกลางรองรับระบบสังคมคือ สิ่งหนึ่งที่เป็นข้อดีมากๆของแฟรนไชส์ไต้หวัน